Main Menu

Recent posts

#1

TOYOTA VIOS HIGH ที่สุดของการรอคอย สำหรับโตโยต้า วีออส รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2023 ที่มีการยกโฉมออกแบบใหม่ทั้งหมด เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ จะเป็นเส้นทางแบบไหน ใกล้หรือไกล ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว รุ่นนี้เป็นรุ่นท็อปของปีนี้ ซึ่งจะได้อะไรที่พิเศษกว่ารุ่นธรรมดาพอสมควร
ขุมกำลังของ TOYOTA VIOS HIGH

เครื่องยนต์
•   ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1,496 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 79 แรงม้า ที่/ 6,000 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 140/ 4,200 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   รองรับการใช้น้ำมัน E85
•   ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 16 กิโลเมตร/ลิตร

ไซน์ภายนอก
ในรุ่นท็อปของวีออสปี 2023 ได้ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์แบบรมควัน พร้อมกับด้วยหลอด LED Light Guide ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบ LED เช่นกัน กระจกมองด้านข้างใช้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถ สามารถปรับและพับเก็บได้เมื่อจอ ที่ปัดน้ำฝนในรุ่นนี้ เป็นแบบหน่วงเวลาและสามารถปรับตั้งเวลาได้ตามตั้งการ มือจับประตูด้านนอก ในรุ่นนี้ได้เป็นโครเมียม ซึ่งหรูหรากว่ารุ่นธรรมดา

ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในได้เป็นสีแดง วัสดุตกแต่งแผงและควบคุมกระจกแบบไฟฟ้าเป็นสีเปียโนแบล็ค วัสดุที่ใช้ทำเบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ตามความเหมาะสม กระจกหน้าต่างเป็นแบบไฟฟ้า พร้อมระบบที่ช่วยป้องกันการหนีบ เบาะนั่งด้านคนขับ สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ มือจับประตูด้านในเป็นแบบเมทัลลิก กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้าฝั่งคนขับ+ฝั่งผู้โดยสาร

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ระบบ Smart Entry และ Push Start มาตรวัดเป็นแบบ Sport มีไฟแสดงการขับขี่แบบหยัด (Eco Master) ได้กุญแจเป็นแบบรีโมต มีสัญญา มีเครื่องเสียงหน้าจอระบบสัมผัสที่สามารถเล่น DVD/CD/MP3/MP4/WMA ได้ ฟังก์ชั่น T-Link และรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายหรือ Bluetooth มีไฟส่องสว่างในตัวรถอัตโนมัติ ลำโพงทั้งหมด 4 ตำแหน่ง และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA VIOS HIGH
รุ่นนี้มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights) และไฟตัดหมอก มีกล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัยระบบ SRS คู่หน้า มีสัญญาณกะระยะในการถอย พร้อมระบบความปลอดภัยก่อนการชน  รุ่นนี้มาพร้อมระบบเบรกแบบ(ABS/EBD) ป้องกันล้อล็อก ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ เข็ม ระบบกระจายแรงเบรกแบบ(EBD) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง 3 จุด 2 ตำแหน่ง ระบบป้องกันล้อล้อหมุนฟรี TRC ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว(VSC) ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน กล้องมองขณะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัย ระบบละลายฝ้ากระจกด้านหลัง พร้อมระบบเตือนการโจรกรรม

ราคา
TOYOTA VIOS HIGH มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 789,000 บาท

สำหรับท่านที่ต้องการความพิเศษ ในทุกๆ เรื่อง ทั้งความปลอดภัย ตัวช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เลือกตัวท็อปรุ่นนี้ไปเลย ไม่มีผิดหวัง เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คนตัดสินใจเลือก อีกอย่างราคาก็ไม่แตกต่างจากตัวเริ่มต้นสักเท่าไหร่ แต่ได้ของพิเศษเพียบเลย
#2

Isuzu D-Max V-Cross 4X4 สุดยอดของรถกระบะ ที่คนให้การยอมรับมากสุดในประเทศไทย เป็นกระบะที่มียอดขายสูงสุดติดต่อกันหลายปี เพราะผู้ใช้มั่นใจในสมรรถนะของแบรนด์นี้ ให้คุณสนุกไปได้ทุกที่ ทุกเส้นทาง จะใช้งานเพื่อเดินทางหรืองานสำหรับบรรทุก รุ่นนี้ก็ไม่มีหวั่น เพื่อให้ทุกท่านมั่นใจมากขึ้น ลองมาดูรายละเอียดของกระบะรุ่นนี้กันดีกว่า

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
Isuzu D-Max V-Cross 4X4 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4JJ3-TCX, 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบแบบ VGS และอินเตอร์คูลเลอร์
•    ขนาดเครื่องยนต์ 2,999 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
•    แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์ออโต้ 6AT
•    รองรับน้ำมัน ดีเซล, ไบโอดีเซล B5, ไบโอดีเซล B20

ดีไซน์ภายนอก
Isuzu D-Max V-Cross 4X4 มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED PROJECTOR Bi-Beam ที่มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอกด้านหน้าเป็นแบบ LED ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้นและไกลขึ้น, มีไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, ที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบอัตโนมัติ, กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว และมีระบบที่ช่วยในการไล่ฝ้าอัตโนมัติ, อุปกรณ์ชุดแต่ง พร้อมบันไดสีเทาดำ, ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว

ดีไซน์ภายใน
ตกแต่งด้วยหนังและหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ สามารถปรับเลื่อนสูง-ต่ำได้ และปรับเอนได้, มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อน ไม่มีความร้อนสะสม, พวงมาลัยสามารถปรับสูง-ต่ำ, และปรับระยะเข้า-ออกได้ ตามสรีระผู้ขับ กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสง, หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD, จอมาตรวัดแบบ Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลได้ครบถ้วน และโดดเด่นชัดเจน, ระบบควบคุมอุณหภูมิแยกซ้ายขวา หรูหรามีระดับ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง,มือจับ 8 จุด รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมต่อกับ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay ได้

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย 6 จุด, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่คอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าได้อย่างแม่นยำแบบ Real Time, ระบบช่วยเหลือในการเข้าจอดในที่แคบ, ระบบเตือนในจุดอับสายตา, ระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน, ระบบเบรกแบบ ABS ระบบช่วยกระจายแรก EBD, และระบบเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว, ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่ในที่ลาดชันและควบคุมความเร็วในที่ลาดชัน,กุญแจแบบอัจฉริยะ กล้องมองหลังขณะถอย

ราคาจำหน่าย 1,217,000 บาท

จะเห็นว่า Isuzu D-Max V-Cross 4X4  มีความพิเศษหลายอย่างเลย เป็นรุ่นที่มีความครบเครื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ความสวยงาม ความแข็งแกร่ง รวมอยู่ในคันเดียว ซื้อมาแล้วก็พร้อมขี่เท่ๆ ได้เลย ไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติม
#3

รถยนต์จากค่าย Nissan ต้องยอมรับว่าเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมน้อยในบ้านเรา เพราะจากหลายๆอย่างที่ไม่ได้ดึงดูดเท่าที่ควร จึงไม่อาจจะดึงกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มได้ แต่ในปี 2023 นี้ ทางค่ายได้งัดเอาไม้เด็ดออกมาใช้ ในการยกเครื่องปรับโฉมใหม่ชุดใหญ่ เพื่อหวังครองใจลูกค้ามากขึ้น ในรุ่นที่ชื่อว่า Nissan Almera 2023 ต้องมาดูกันว่ากลยุทธ์นี้ จะทำได้ดีแค่ไหน

Nissan Almera 2023 มีทั้งหมด 4 รุ่น คือ E, EL, V และ VL โดยละรุ่นมีราคาที่แตกต่างกันไปดังนี้
รุ่น E ราคา 549,000 บาท
รุ่น EL ราคา 589,000 บาท
รุ่น V ราคา 659,000 บาท
รุ่น VL ราคา 699,000 บาท

และมีให้เลือกด้วยกัน 6 สี คือ
-    สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) มีทุกรุ่น
-    สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) มีเฉพาะรุ่น VL, V, EL
-    สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) มีทุกรุ่น
-    สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) มีทุกรุ่น
-    สีน้ำเงิน ไนท์ บลู (Night Blue) มีเฉพาะรุ่น VL, V และ EL
-    สีเทา เกรย์ สกาย เพิร์ล (Gray Sky Pearl) มีเฉพาะรุ่น VL และ V

ด้านเครื่องยนต์ของ Nissan Almera 2023 จัดมาแบบแน่นๆจุก เป็นเครื่องยนต์ HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร TURBO ให้กำลังสูงสุดถึง 100 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 152 นิวตันเมตร (Nm) ให้อัตราเร่งที่แรง และรวดเร็วจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (flat torque) นอกจากนี้ยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ที่ทรงพลัง มีสมรรถนะแรง เร็ว เร้าใจ แต่ประหยัดเชื้อเพลิงได้เยอะกว่าที่คิด แล้วยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำมาก ช่วยโลกลดความร้อนได้อย่างน่าประทับใจ แล้วยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วย

    นอกจากเครื่องยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดแล้ว Nissan Almera 2023 ยังออกแบบทั้งภายนอกและภายในของรถได้อย่างโดดเด่น สวยงาม เข้ากับยุคสมัยใหม่ของการเป็นรถยนต์ในปี 2023 ที่ดีมากๆ ภายนอกของรถขนชุดตกแต่งมาให้จากโรงงาน ที่ครบจบรอบคัน แทบจะไม่ต้องนำไปแต่งเพิ่มก็สวยมากๆแล้ว ขณะที่ภายในครบถ้วยด้วยเทคโนโลยีต่างๆไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ ความปลอดภัย ความบันเทิง ความสะดวกสบายในแง่การใช้งานก็รับรองว่าดีไปหมดไม่มีผิดหวัง

    สรุปแล้ว Nissan Almera 2023 เป็นรถยนต์ที่น่าประทับใจอีกรุ่นเลยทีเดียวในยุคนี้ คุ้มค่ามากมายในหลายๆจุดที่ถูกทำออกมา ทั้งราคายังสบายๆจับต้องได้ มีให้เลือกถึง 4 รุ่นตามความชอบ มีสีให้เลือกตามใจหวัง ภาพรวมต้องบอกว่าการยกโฉมครั้งนี้ของ Nissan ยอดเยี่ยมน่าประทับใจ
#4

Isuzu D-MAX X-Series Speed 4-Door 1.9 Ddi L DA M/Tv คือกระบะที่มียอดขายมากที่สุดในไทยตอนนี้ เพราะว่าตั้งแต่เปลี่ยนรูปโฉมมาเป็นแบบใหม่ คนก็หันมาให้ความสนใจมากขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ที่เห็นแล้วดูหล่อ เท่ทุกมุม จึงมักเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่อยากจะมีรถกระบะคันแรกของตัวเอง มาดูกันว่ารุ่นนี้มีความพิเศษอย่างไรบ้าง ทำไมคนถึงนิยมรุ่นนี้กันเยอะ

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
รุ่นนี้ได้เป็น เครื่องยนต์ RZ4E-TC แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว  DOHC คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
•   ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 1,898 CC
•   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที
•   ระบบเกียร์ เกียร์ธรรมดา 6MT
•   รองรับน้ำมัน ดีเซล, ไบโอดีเซล B5, ไบโอดีเซล B20

ดีไซน์ภายนอก
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ Isuzu D-MAX X-Series Speed 4-Door 1.9 Ddi L DA M/Tv ออกแบบมาได้โฉบเฉี่ยว ดูดุดัน ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตเรซซิ่ง พร้อมที่จะลุยไปทุกเส้นทางไม่ว่างานหนักงานเบา รุ่นนี้มาพร้อมชุดแต่งที่เป็นเฉพาะของรุ่น x-Series,ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED ที่ให้ความสว่างที่มากยิ่งขึ้น,ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED,กระจกมองข้างพร้อมกับไฟเลี้ยวในตัว สามารถพับเก็บได้เมื่อจอด,ไฟส่องสว่างเมื่อดับเครื่องยนต์,และล้ออัลลอยด์,สเกิร์ตรอบคัน พร้อมกับสติ๊กเกอร์เรซซิ่งที่ฝากระโปรงหน้า

ดีไซน์ภายใน
รุ่นนี้ได้เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมกับสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง ที่ให้ความรู้สึกเป็นสปอร์ตสุดๆ ตัวพวงมาลัยปรับได้ถึง 4 ทิศทาง,หน้าจอระบบสัมผัสแบบ Information Display ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทั้งระบบ Android Auto และ Wireless Apple Carplay,เบาะนั่งแบบทูโทนสีดำแดง เบาะคนขับสามารถปรับต่ำสูงได้,ชุดแต่งที่แผงประตูด้านข้าง สี Piano Black พร้อมกับขอบประตูสีแดง,กระจกมองด้านหลังแบบตัดแสง,ปลั๊กไฟสำหรับเชื่อมต่อขนาด 12 โวลต์,มาตรวัดภายในเป็นแบบเรืองแสง ที่มองเห็นชัดแม้ในที่มืด หรือว่าที่แสงมากๆ

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
รุ่นนี้มีอุปกรณ์ความปลอดภัยหลายอย่าง ได้แก่ กุญแจแบบรีโมท,เข็มขัดนิรภัย,ถุงลมนิรภัยทุกจุด,กระจกแบบนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยได้ดีที่สุด,คานเสริมเหล็ก เพิ่มความแข็งแกร่ง,ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉิน เมื่อเบรกอย่างกะทันหัน,กล้องบันทึกขณะขับขี่,ระบบเบรกแบบ ABS มาพร้อมกับระบบกระจายแรงเบรก

ราคาจำหน่าย 824,000 บาท
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ถือว่าถูกสุดๆ ในบรรดารถกระบะ 4 ประตู แต่ว่าได้ของมาค่อนข้างครบเลยทีเดียว หากท่านเน้นใช้งานหนักๆ งานที่ต้องบรรทุก แนะนำว่า Isuzu D-MAX X-Series Speed 4-Door 1.9 Ddi L DA M/Tv รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดีมาก เหมาะกับทุกสภาพงาน และสภาพถนน
#5

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือฟุตบอลลีกที่มีแฟนๆติดตามมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน แล้วยังเป็นลีกที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด เข้มข้นที่สุดอย่างมาก แล้วฤดูกาลล่าสุด 2023-2024 ได้ฤกษ์เปิดฉากเพื่อหาทีมที่แข็งแกร่งสุดที่สุดในการก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งแชมป์กันเรียบร้อยแล้ว และในทุกๆปีได้มีทำเนียมของสื่ออังกฤษ ในการจัดอันดับของนักเตะที่น่าจับตามองมากที่สุดในแต่ละปี ซึ่งวันนี้จะมานำเสนอของ 5 ดาวรุ่งที่สื่ออังกฤษยกให้ว่านี่คือนักเตะที่น่าจับตามองมากที่สุดในฤดูกาลใหม่นี้

5 นักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตาในปี 2023 ของพรีเมียร์ลีก

1.   อเลฮานโดร การ์นาโช อายุ 19 ปี สังกัด แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด

ปีกดาวรุ่งพุ่งแรงจากค่ายปีศาจแดง กำลังเป็นที่ถูกจับตามองมากๆว่าจะขึ้นมาเป็นซูปเปอร์สตาร์ในอนาคตอันใกล้ จากความสามารถที่เจ้าตัวมีที่มีลีลาการเล่นสุดน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วยังก้าวขึ้นไปติดชุดใหญ่ทีมชาติอาเจนติน่าเรียบร้อยแล้วด้วย นี่คือสุดยอดดาวรุ่งอีกคนของวงการ

2.   อีวาน เฟอร์กูสัน อายุ 18 ปี สังกัด ไบรท์ตัน
กองหน้าอายุน้อยอีกคนที่สื่อให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ อีวาน เฟอร์กูสัน ดาวยิงของ ไบรท์ตัน สโมสรเล็กๆที่ปั้นนักเตะไร้ชื่อมานักต่อนัก แล้วตอนนี้เป็นคิวของเด็กหนุ่มรายนี้ ที่ยึดตัวจริงของทีมไปแล้วในฤดูกาลใหม่ด้วยวัยไม่ถึง 20 ปี และคาดกันว่ามีโอกาสจะกลายเป็นนักเตะ 100 ล้านปอนด์คนต่อไปของสโมสรเลยทีเดียว

3.   ลีวาย โควิลล์ อายุ 20 ปี สังกัด เชลซี

กองหลังดาวรุ่งอนาคตไกลขอล เชลซี ฤดูกาลนี้ได้รับโอกาสลงตัวจริงอย่างต่อเนื่องด้วยฝีเท้าที่แข็งแกร่งเกินวัย แล้วการที่เขาเลือกใส่หมายเลย 26 ซึ่งเป็นเบอร์เก่าของยอดกองหลังตำนานของทีม จอห์น เทอร์รี่ ทำให้เขากลายเป็นความหวังใหม่ของแฟนๆ นี่คือดาวรุ่งที่สื่ออังกฤษยกให้ว่าควรติดตาม

4.   โคล พาลเมอร์ อายุ 21 ปี สังกัด เชลซี
เชลซี พึ่งจะคว้า พาลเมอร์ มาร่วมทีมสดๆร้อนๆจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่คือมิดฟิลด์อนาคตไกลของทีมชาติอังกฤษ ที่ถูกยกย่องว่ามีฝีเท้าที่โดดเด่น แล้วด้วยพัฒนาที่ก้าวไม่หยุด เขาจึงกลายเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่มีโอกาสแจ้งเกิดสูงมากในฤดูกาลนี้

5.   ลาสมุส ฮอยลุนด์ อายุ 20 ปี สังกัด แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด
กองหน้าค่าตัวแพงที่พึ่งย้ายมาอยู่กับแมนยูในฤดูกาลนี้ ได้รับการจับตามองอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้หลายทีมดังรุมแย่งตัวมากมาย แต่เขาเลือกจะย้ายมาอยู่กับทีมในฝันของเขา ต้องคอยดูว่า ฮอยลุนด์ จะแจ้งเกิดได้ดีแค่ไหนกับปีแรกในพรีเมียร์ลีก
#6

ประวัติ จาร์ร็อด โบเว่น แนวรุกทีมชาติอังกฤษของ เวสต์แฮม
ทีมชาติ : อังกฤษ 4 นัด – 0 ประตู (2022-?)
สโมสรปัจจุบัน : เวสต์แฮม 161 นัด – 42 ประตู (2020-?)


จาร์ร็อด โบเว่น (Jarrod Bowen) เกิดวันที่ 20 ธันวาคม 1996 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร แฮร์ฟอร์ด ยูไนเต็ด แล้วได้รับสัญญาอาชีพกับทีมในปี 2014 ลงเล่นให้ทีมแค่ 8 นัด ก็ถูก ฮัล ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) ซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2014/15 แล้วไม่ได้ลงเล่นสักนัด พร้อมกับตกชั้นไปพร้อมกับทีมหลังจบฤดูกาลดังกล่าว แล้วในฤดูกาล 2015/16 โบเว่นก็ยังไม่ได้เล่น เดอะ แชมป์เปียนชิพ สักนัด แต่ทีมสามารถเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้ หลังจบซีซั่นนั้น

ฤดูกาล 2016/17 จาร์ร็อด โบเว่น ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 7 นัด (ตัวจริง 1 สำรอง 6) ยิงประตูไม่ได้ แล้ว ฮัล ซิตี้ ก็ตกชั้นก็ตกชั้นในฤดูกาลนั้น แล้วใน แชมป์เปียนชิพ 2017/18 โบเว่นกลายเป็นกำลังสำคัญของทีม ลงเล่น 44 นัดรวมทุกรายการ ยิง 15 ประตู แต่ไม่เพียงพอต่อการพาทีมเลื่อนชั้น แล้วอีกสองฤดูกาลต่อมา โบเว่นยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง 39 ประตูจาก 78 นัดรวมทุกรายการ แม้จะพาทีมเลื่อนชั้นไม่ได้ แต่ช่วงกลางฤดูกาล 2019/20 โบเว่นถูก เวสต์แฮม (พรีเมียร์ลีก) ดึงตัวไปร่วมทีม ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 13 นัด ยิง 1 ประตู

ฤดูกาล 2020/21 จาร์ร็อด โบเว่น เป็นแกนหลักของ เวสต์แฮม อย่างเต็มตัว วันที่ 27 กันยายน 2020 พรีเมียร์ลีก นัดที่ 3 โบเว่นยิง 2 ประตูใส่ วูล์ฟแฮมป์ตั้น (ชนะ 4-0) และในวันที่ 21 มีนาคม 2021 พรีเมียร์ลีก นัดที่ 29 โบเว่นยิง 1 ประตูใส่ อารืเซน่อล (เสมอ 3-3) จบฤดูกาลนั้น โบเว่นลงเล่น 40 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู จ่าย 6 แอสซิสต์

ฤดูกาล 2021/22 จาร์ร็อด โบเว่น ยิงในพรีเมียร์ลีก 12 ประตูจาก 36 นัด เป็นการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งมา หนึ่งในนั้นคือการยิง 1 ประตูใส่ เชลซี (ชนะ 3-2) ยิง 2 ประตูใส่ นอริช (ชนะ 2-0) ยิง 1 ประตูใส่ อาร์เซน่อล (แพ้ 1-2) และยิง 2 ประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เสมอ 3-3)  จบฤดูกาลนั้น โบเว่นได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ เวสต์แฮม

ฤดูกาล 2022/23 จาร์ร็อด โบเว่น ไม่พลาดพรีเมียร์ลีกสักนัด (ตัวจริง 36 สำรอง 2) ยิง 6 ประตู จ่าย 6 แอสซิสต์ หนึ่งในนั้นคือการยิง 2 ประตูใส่ เอฟเวอร์ตั้น (ชนะ 2-0) และยิงอีก 1 ประตูใส่ อาร์เซน่อล (เสมอ 2-2) มีส่วนสำคัญในการพาทีมรอดตกชั้น นอกจากนั้นแล้ว โบเว่นยังยิงอีก 5 ประตู จ่าย 2 แอสซิสต์ ช่วยให้ทัพขุนค้อน คว้าแชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก โดยยิง 1 ประตู ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่ทีมเอาชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1

ฤดูกาล 2023/24 จาร์ร็อด โบเว่น ยังอยู่กับ เวสต์แฮม ลงเล่น 3 นัด ยิง 2 ประตู
#7

ในโลกนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักนักเตะคนนี้ เพราะเขาเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกอย่างแท้จริง นั่นก็คือ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงจากประเทศ โปรตุเกส วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับชายคนนี้ให้มากขึ้น ผู้ที่สร้างตำนานหลายอย่างเอาไว้

ชื่อเต็ม คริสเตียโน โรนัลโด ดุช ซังตุช อาไวรู
วันเกิด 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 (38 ปี)   
สถานที่เกิด ฟุงชาล มาเดรา โปรตุเกส   
ส่วนสูง 1.87 ม. (6 ฟุต 2 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า/ปีกซ้าย


เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ คริสเตียโน โรนัลโด

ชีวิตของ โรนัลโด้ เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก และพ่อของเขาก็ติดสุราอย่างหนัก ในตอนเด็กโรนัลโด้ มักจะพูดกับเพื่อนเสมอๆ ว่า โตขึ้นเขาจะต้องมีชื่อเสียง และยิ่งใหญ่ให้ได้ ซึ่งตอนนั้นเขายังเล่นฟุตบอลอยู่ข้างถนนกับเพื่อนๆ อยู่ จนเมื่ออายุได้ 8 ปี โรนัลโด ก็ได้เล่นฟุตบอลอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเริ่มเล่นให้กับสโมสรังดูรีญา เป็นเวลาถึง 5 ปี จากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร สปอร์ติงลิสบอน และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของเขา
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (2003–09)
•   ที่สปอร์ติงลิสบอน
โรนัลโด เริ่มฉายแสงของความเก่งออกมาให้เห็น จนไปเข้าตา เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สุดท้ายก็ได้เซ็นต์สัญญา และย้ายมาอยู่ที่ แมนฯ ยู ในครั้งแรกฟอร์มของ โรนัลโด้ ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นัก เพราะปรับตัวยังไมได้ แต่หลังจากนั้น ฟอร์มของ โรนัลโด้ ก็ดีวันดีคืน ตลอดระยะเลาที่เล่นให้กับแมนยู เขาลงเล่นไปทั้งหมด 299 นัด ยิงประตูได้ทั้งหมด 118 ประตูจากทุกรายการ และยังสามารถคว้าถ้วยรางวัลมาได้ถึง 9 ถ้วย
•   เรอัลมาดริด (ฤดูกาล 2009–2010)
โรนัลโด ย้ายมาซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ในปี 2009 ที่นี่เขาได้โชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมเท่าที่จะทำได้ เขาสร้างตำนานและประวัติศาสตร์หลายอย่างเอาไว้ที่นี่ ตลอดทุกฤดูกาลที่เขาลงเล่นให้กับชุดขาว เขายิงไปทั้งหมดกว่า 300 ประตู สูงสุดในลาลีก้า และพาทีมคว้าแชมป์นับไม่ถ้วน
•   ยูเวนตุส (2018–2021)
ย้ายมาด้วยค่าตัว 112 ล้านยูโร แต่ที่นี่ผลงานไม่ดีเท่าที่ควร เพราะว่าไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้เลย
•   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (2021–2022)
เป็นการย้ายกลับมายังถิ่นเดิม แต่สุดท้ายก็ต้องออกเดินทางอีก เพราะว่ามีเรื่องไม่ลงรอยหลายอย่างกับทางสโมสร
•   อันนัศร์ (2023–ปัจจุบัน)
เป็นทีมจากประเทศซาอุดิอาราเบีย ซึ่งค่าเหนื่อยที่เจ้าตัวได้รับจากการลงเล่นในครั้งนี้ สุงถึง 200 ล้านยูโรต่อไปเลยทีเดียว

รางวัลส่วนตัว

1.   ฟีฟ่าบาลงดอร์ (5): 2008, 2013, 2014, 2016, 2017
2.   รองเท้าทองคำยุโรป (4): 2007–08, 2010–11, 2013–14, 2014–15
3.   นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (1): 2008
4.   ผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า (2): 2016, 2017
5.   นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก (2): 2006–07, 2007–08
6.   รางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (1): 2007–08
7.   รางวัลดาวซัลโวเซเรียอา (1): 2020–21
#8

มอยเซส ไคเซโด้ Moisés Caicedo นักฟุตบอลทีมชาติเอกวาดอร์ ตำแหน่ง : มิดฟิลด์

เกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน 2001 (21 ปี) ที่ประเทศเอกวาดอร์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสรภายในประเทศอย่าง Mujer Trabajadora (2014-2017) จากนั้นได้มีโอกาสไปอยู่ในอคาเดมี่ของ อินเดเพนเดียนเต้ เด วัลเล่ (Independiente del Valle) ระหว่างปี 2016-2019 แล้วได้รับสัญญอาชีพกับทีมในปี 2019 ประเดิมสนามในปีดังกล่าวด้วยการลงเล่น 3 นัด และลงเล่นอีก 28 นัดในฤดูกาล 2020 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จอะไร

ด้วยผลงานส่วนตัวที่ทำได้ค่อนข้างดี หลังจบฤดูกาลของ Ecuadorian Serie A เขาถูก ไบรท์ตั้น ดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2020/21 ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง แต่ในขวบปีแรกนั้น ไคเซโด้ไม่ได้ลงสนามให้ทีมแม้แต่เกมเดียว จนเข้าสู่ฤดูกาล 2021/22 ไคเซโด้ ถึงได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดใหม่ โดยลงสนามเป็นตัวจริง ในเกมคาราบาว คัพ รอบ 2 ในวันที่ 24 สิงหาคม 2021 ซี่งเขาได้ยืนเป็นมิดฟิลด์ร่วมกับ สตีเฟ่น อัลซาเต้ และ เทเลอร์ ริชาร์ด อยู่ในสนามครบ 90 นาที ช่วยให้ทีมเอาชนะ คาร์ดิฟ 2-0

แม้จะทำผลงานได้ดี มอยเซส ไคเซโด้ ยังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เขาต้องรอจนถึงวันที่ 9 เมษายน 2022 พรีเมียร์ลีก นัดที่ 31 พบ อาร์เซน่อล ไคเซโด้ ได้ยืนเป็นสามมิดฟิลด์ร่วมกับ อีฟส์ บิสซูม่า และ อีน็อค เอ็มเวปู ผ่านไปถึงนาที 66 ไคเซโด้ แอสซิสต์ให้ เอ็มเวปู ใส่สกอร์ให้ทีมออกนำ อาร์เซน่อล 2-0 แล้วปิดเกมดังกล่าวด้วยสกอร์ 2-1

หลังเกมชนะ อาร์เซน่อล 2-1 ไคเซโด้ ได้รับโอกาสเรื่อยมา ผ่านไปถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2022 ไบรท์ตั้น มีคิวเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไคเซโด้ ได้ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลางร่วมกับ อีฟส์ บิสซูม่า ขนาบข้างด้วย เลอันโดร ทรอสซาร์ และ ซอลลี่ มาร์ช ซึ่งเกมนี้ ไคเซโด้ ยิง 1 สกอร์ให้ทีมออกนำ 1-0 ในช่วง 15 นาทีแรก ก่อนจะปิดจ๊อบปีศาจแดงด้วยสกอร์ 4-0

เข้าสู่ฤดูกาล 2022/23 มอยเซส ไคเซโด้ ยึดตัวหลักของ ไบรท์ตั้น ได้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล เขาพลาดการลงเล่นพรีเมียร์ลีก เพียงแค่นัดเดียว มีส่วนสำคัญในการพา ไบรท์ตั้น บินสูงถึงขั้นขึ้นไปลุ้นตั๋วยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก อยู่ช่วงหนึ่ง น่าเสียดายที่จบแค่อันดับ 6 ตามหลังอันดับ 5 (ลิเวอร์พูล) 5 คะแนน และอยู่ห่างอันดับ 4 (นิวคาสเซิล) 9 คะแนน

หลังจบฤดูกาล 2022/23 มอยเซส ไคเซโด้ ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยมีทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ที่พร้อมประมูลไปอยู่ในความดูแล สุดท้ายแล้ว ไคเซโด้เลือกไปอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 116 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 8 ปี กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก
#9

การไปท่องเที่ยวนอกประเทศนั้น ซึ่งหนึ่งที่สร้างความลำบากใจให้ใครหลายคนคือจะต้องใช้วีซ่าในการผ่านเข้าไป เพราะการทำวีซ่าไม่ใช้เรื่องง่าย จะต้องผ่านเกณฑ์ที่มีไว้ถึงจะทำได้ หลายคนที่ทำไม่ได้จึงหมดโอกาสที่จะไปยังสถานที่ที่ต้องการ แต่บทความนี้อยากจะมาแนะนำที่เที่ยวในเอเชียทั้ง 5 แห่งที่ไปเที่ยวได้อย่างสบายๆแบบไม่ต้องใช้วีซ่า จะมีที่ไหนประเทศไหนบ้างนั้น ไปอ่านต่อกันได้เลย

5 ที่เที่ยวเอเชียฟรีวีซ่าสุดคุ้มค่าของปี 2023

1.ญี่ปุ่น
ประเทศยอดนิยมที่ชาวไทยไปเที่ยวกันเยอะมากๆในแต่ละปี เพราะที่นี่มีความโดดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่างอยู่ทั่วประเทศ ทั้งยังไปเที่ยวได้ทุกภาคกันอีกด้วย ไปหน้าไหนช่วงไหนก็ดีต่อใจกันทั้งนั้น แล้วญี่ปุ่นยังไม่ต้องใช้วีซ่าในการเข้าประเทศอีกด้วย

2.เวียดนาม
ประเทศเพื่อนบ้านที่นับวันความเจริญความก้าวหน้าล้ำไปเยอะมากๆ มีสถานที่ที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมายอย่างครอบคลุม รวมถึงค่าเงินที่เที่ยวอย่างสบายๆ อีกทั้งยังเดินทางสะดวกรวดเร็ว นี่คืออีกหนึ่งประเทศที่หากยังไม่เคยมาแนะนำว่าจะต้องโดนให้ได้สักครั้ง

3.เกาหลีใต้
หลังจากกระแสซีรีย์ที่โด่งดังมากมายหลายต่อหลายเรื่องในบ้านเรา ส่งผลให้ประเทศเกาหลีใต้มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวแต่ละปีที่เยอะมากๆ แล้วการที่ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า ยิ่งสะดวกในการเข้าไปท่องเที่ยว ทั้งการตามรอยซีรีย์ หรือจะไปท่องเที่ยวยังแลนมาร์คของประเทศก็ได้ตามใจชอบ

4.ไต้หวัน
ประเทศไต้หวัน คือประเทศที่ผสมกลมกลืนกันอย่างโดดเด่นระหว่างจีน+ญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์และความสวยงามยังสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่นี่เมื่อได้ลองมาเที่ยวแล้ว จะพบกับความไม่คาดคิดว่าจะเป็นประเทศที่ดีขนาดไหน ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีที่ไกลเกินที่คิด ผู้คนมีน้ำใจเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว เรียกได้ว่าหากได้มาเยือนประเทศไต้หวันจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

5.สิงคโปร์
อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านของเรา ที่ถูกยกให้ว่าเป็นประเทศที่ล้ำหน้าที่สุดแล้วในอาเซียนไม่ว่าจะด้านไหนๆ ทำให้การมาเที่ยวที่นี่จะพบความก้าวหน้าของสิงคโปร์ที่ไปไกลมากๆ สถานที่แลนมาร์คสำคัญๆสวยงามคุ้มค่าที่ได้มาเยือน สนามบินของประเทศยังครองอันดับ 1 ของโลกหลายปีติดต่อกัน เพราะมันสวยงามแบบสุดๆ และแน่นอนว่าคนไทยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าเลย

ทั้งหมดคือ 5 ประเทศแนะนำที่มาเที่ยวได้อย่างสบายๆไม่ต้องกังวลเรื่องวีซ่าแต่อย่างใด และทั้ง 5 ประเทศนี้ขอบอกว่าจะต้องทำให้ทุกคนฟินหัวใจเมื่อได้มาสัมผัสอย่างแน่นอนเกินร้อยเปอร์เซ็น
#10

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกาะกูด จ.ตราด

ถ้าถามว่าเกาะที่ภาคตะวันออก ที่ไหนน่าเที่ยวที่สุด ตัวเลือกของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน จะต้องมี เกาะกูด เป็นหนึ่งในนั้น เพราะที่เกาะแห่งนี้ ได้รับการขนาดนามว่า เป็นอันดามันแห่งภาคตะวันออกเลย ดังนั้นเรื่องของความสวยงามของเกาะ ของธรรมชาติ หาดทราย ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่ หากคุณกำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่ใกล้ๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกรุงเทพ แนะนำว่ามาที่เกาะกูดนี่แหละ เป็นตัวเลือกดีที่สุด ระยะทางไม่ไกลด้วย ไปเสาร์กลับอาทิตย์ได้เลย

ที่เกาะกูด มีสถานที่เที่ยวค่อนข้างเยอะเลย เพราะว่าเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยเลย และมีสถานที่ขึ้นชื่อมากมาย เหมาะกับการทำกิจกรรมทุกชนิด ทั้งทางน้ำ และบนชายหาด วันนี้เราก็เลยนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเกาะกูด มาให้ทุกท่านได้ดูประกอบการตัดสินใต เผื่อว่าใครยังติดสินใจไม่ได้ ก็จะได้ตัดสินใจเลย ไม่ต้องไปหาที่เที่ยวที่ไหนอีกแล้ว

สถานที่เที่ยวบนเกาะกูดน่าสนใจ
มาเที่ยวที่เกาะกูดที่เดียว คุณสามารถเลือกเที่ยวได้หลายแบบเลย มีธรรมชาติสวยๆ ให้เลือกเที่ยวได้เยอะ เช่น

• น้ำตก เป็นน้ำตกที่สวยงามสุดๆ ที่ขึ้นชื่อที่สุดได้แก่ น้ำตกคลองยายกี๋ น้ำตกวังน้ำเขียว เป็นน้ำตกที่เป็นชั้นหินเรียงกันอย่างสวยงาม อีกทั้งคุณยังสามารถเล่นน้ำได้
• ดำน้ำ ความสวยงามท้องทะเลบนเกาะกูด ต้องบอกว่าขึ้นชื่อระดับโลกเลย สถานที่ที่เหมาะกับการดำน้ำมากที่สุด ก็คือบนเกาะรัง มีปะการังสวยงาม สัตว์น้ำอีกหลายชนิด มาให้เห็นอยู่ตลอด
• อ่าวกล้วย เป็นอ่าวที่เงียบสบ เหมาะกับการนั่งพักผ่อน นักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่ สามารถลงเล่นน้ำได้ด้วย
• พายเรือคายัค กิจกรรมที่ฮิตอีกอย่างหนึ่ง ปรกติที่พักบนเกาะกูด จะมีให้เช่าอยู่แล้ว
• วัดบุปผาราม เป็นวัดที่มีความสวยงาม และเก่าแก่ที่สุด คุณจะได้ชมจิตรกรรมฝากผนังที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งวัตถุโบราณต่างๆ
• ชมป่าชายเลน เพื่อชมธรรมชาติป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย พร้อมชมระบบนิเวศ และสัตว์น้ำนานาชนิด

การเดินทาง
สามารถเดินทางโดยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถโดยสาร แล้วมาต่อเรือที่ท่าเรือแหลมศอกต่อ ซึ่งจะมีเรือรับส่งไปยังเกาะ ตอนนี้มีให้เลือกใช้บริการเยอะ ทั้งเรือสปีดโบ้ท และเรือโดยสารทั่วไป

ค่าบริการในการเข้าชม: ฟรี

ที่พักบนเกาะกูด
มีทั้งรีสอร์ท บ้านพัก บังกะโล ตั้งแต่ราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน ก่อนที่จะเดินทาง ท่านสามารถจองที่พักออนไลน์ได้เลย เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ส่วนเรื่องอาหารมีให้บริการอยู่แล้วตามที่พักที่เราใช้บริการ และร้านอาหารทั่วไป นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายอย่าง

สถานที่ตั้งของ เกาะกูด
ต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด